ประวัติของเรา


คริสตจักรเมืองบุรีรัมย์

ในปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) อาจารย์เพรเบ็น มีลเลอร์นิลเซ็น มิชชั่นนารีจากประเทศเดนมาร์คเดินทางมาพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และทำงานกับผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา ในช่วงเวลานั้นมีค่ายผู้อพยพในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อค่ายผู้อพยพได้ย้ายไปที่อื่น อาจารย์เพรเบ็น จึงได้เริ่มต้นทำงานในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ โดยการสอนภาษาอังกฤษ แจกใบปลิว สอนเด็ก และเยี่ยมเยียนตามบ้าน และเช่าอาคารพาณิชย์ เลขที่ 31/10 ถนนธานี และได้ตั้งชื่อห้องเช่านั้นว่า “ห้องประกาศคริสเตียน” ต่อมาปี ค.ศ. 1982 ครอบครัวเพรเบ็นได้ประสบอุบัติเหตุ ไม่สามารถทำงานที่
บุรีรัมย์ได้ จึงกลับประเทศของตน แต่ก่อนที่ท่านอาจารย์จะเดินทางกลับเดนมาร์ค อาจารย์เพรเบ็นได้มีโอกาสพบกับครอบครัวโตรูเน่น และได้เชิญชวน อาจารย์ เซปโป้ โตรูเน่น และครอบครัว มาทำหน้าที่ประกาศต่อทีบุรีรัมย์

ปี ค.ศ. 1983 (พ.ศ.2526) เดือนกรกฎาคม ครอบครัวอาจารย์ เซปโป้ ชาวฟินแลนด์ ก็ได้เริ่มการรับใช้พระเจ้าที่บุรีรัมย์ โดยการแจกใบปลิวเรื่องราวของพระเจ้า ฉายภาพยนตร์เรื่องพระเยซู และได้เชิญวงดนตรีมาแสดงตามโรงเรียนต่างๆ
ปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ.2528) ครอบครัวอาจารย์เซปโป้ และภรรยาแหม่มไอร่า ชาวฟินแลนด์ ได้อธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้า เพื่อจะมีครอบครัวคนไทยมาร่วมรับใช้พระเจ้ากับท่าน ในเวลาต่อมาช่วงเดือนเมษายน ค.ศ. 1985 อ.สำรวย สิมศิริวัฒน์ ผู้รับใช้พระเจ้า ซึ่งได้เรียนจบการศึกษาศาสนศาสตร์จากโรงเรียนพระคริสตธรรมคัมภีร์จากกรุงเทพฯ ท่านและภรรยาได้รับการทรงเรียกให้มาร่วมรับใช้พระเจ้าที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการทีพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของอาจารย์ เซปโป้ และในปีนี้เอง อาจารย์เวลครุก ชาวอเมริกัน ได้เข้ามาประกาศข่าวประเสริฐในจังหวัดบุรีรัมย์ ในขณะนั้นสถานที่ใช้นมัสการพระเจ้าเป็นห้องประกาศอาคารพาณิชย์ 1 ห้อง ถนนธานี อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีผู้เชื่อพระเจ้าจำนวน 7 คน ขณะนั้น อาจารย์สำรวย และภรรยา มีความเชื่อว่าทุ่งนาเหลืองอร่าม

มากมายและจะมีผู้คนเป็นจำนวนมากมาเชื่อพระเจ้า สถานที่นมัสการพระเจ้า 1 ห้องนี้ คงไม่เพียงพอ จึงอธิษฐานร่วมกับพี่น้องขอการทรงนำที่จะมีสถานที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม และเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1985 พระเจ้าได้ตอบคำอธิษฐาน ได้ห้องประกาศใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง หน้าสถานีขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ ในพิธีเปิดห้องประกาศใหม่ครอบครัวอาจารย์ไลเน่ ชาวฟินแลนด์ ได้ถูกรับเชิญมาประกาศและเทศนาฟื้นฟู จากนั้นจึงได้กำหนดให้มีชื่อเรียกว่า “คริสตจักรเมืองบุรีรัมย์” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ครอบครัว อ. เซปโป้ และครอบครัว อ.สำรวย

โดยการทรงนำของพระเจ้า ผู้เชื่อพระเจ้าในคริสตจักรเมืองบุรีรัมย์ ได้ร่วมใจกันอธิษฐานอดอาหารเพื่อขยายการรับใช้พระเจ้า นำคนมากมายมาเชื่อพระเจ้า เราได้เห็นฤทธิ์เดชการอัศจรรย์มากมายซึ่งพระเจ้าทรงกระทำ เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1986 มีพิธีรับบัพติศมาในน้ำสำหรับผู้ที่เชื่อใหม่ในพระเจ้า จำนวน 9 คน
ปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) งานรับใช้พระเจ้ามีจำนวนผู้เชื่อเพิ่มมากขึ้น ห้องนมัสการพระเจ้าเริ่มคับแคบ คริสตจักรจึงอธิษฐานขอที่ดินใหม่สำหรับการสร้างอาคารนมัสการ เพื่อรองรับผู้เชื่อคนใหม่ได้มากขึ้น ในเดือนตุลาคม จึงได้ซื้อที่ดินจำนวน 1 ไร่ 3 งาน 89 ตารางวา ในซอยหนองปรือ ต.ในเมือง อ.เมือง คริสตจักรได้ร่วมใจกันอธิษฐานขอต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงอวยพรผู้เชื่อได้ร่วมกันถวายเพื่องานของพระเจ้ามากขึ้น พระองค์ทรงนำเราทุกขั้นตอน และเราสามารถซื้อที่ดินได้
ปี ค.ศ. 1988 เริ่มทำรั้วก่อเป็นกำแพงรอบที่ดิน และปี ค.ศ. 1989 เดือนมีนาคม เริ่มก่อสร้างอาคารนมัสการ 2 ชั้น การสร้างเสร็จเรียบร้อย เดือนมิถุนายน คริสตจักรได้ย้ายมานมัสการที่อาคารใหม่ เลขที่ 52/18 ซ.หนองปรือ ถ.ธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
ในปี 1997 มีผู้เชื่อเพิ่มมากขึ้น มีจำนวนมากกว่า 80 คน เราจึงได้ต่ออาคารออกยาวขึ้นกว่าเดิม เพื่อรองรับจำนวนคนมากขึ้นถึง 250 คน ตั้งแต่เริ่มตั้งคริสตจักร พี่น้องได้เข้ามาอธิษฐานตี 5 เรียนพระคัมภีร์ตามบ้าน สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองก็มาเรียนพระคัมภีร์ทุกเย็นวันอังคารที่คริสตจักร มีการอธิษฐานอดอาหารในวันสงกรานต์ของทุกปี ปีละ 3 วัน ทำให้ความเชื่อของพี่น้องเข็มแข็งมากขึ้น มีผู้ถวายตัวรับใช้พระเจ้ามากขึ้น และทุกคนใช้
ของประทานร่วมกัน ออกรับใช้พระเจ้า ออกประกาศแจกใบปลิวตามโรงเรียน สถานที่ราชการ ตลาด ออกเยี่ยมเยียนผู้เชื่อ และนำญาติพี่น้องมาเชื่อพระเจ้ามากขึ้น
คริสตจักรมีนิมิตอยากเห็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์มาเชื่อพระเจ้า จึงได้ร่วมใจอธิษฐานขอต่อพระเจ้าขยายเขตแดนของ พระเจ้าขึ้นอีก เราต้องการอาคารนมัสการพระเจ้าหลังใหม่ เพื่อรองรับคนอีกจำนวนพันคนเข้ามาเชื่อพระเจ้า พี่น้องได้อธิษฐานทุ่มเทอย่างสุดจิตสุดใจ ร้องขอต่อพระเจ้าร่วมกันอีกครั้ง อธิษฐานรอบเมืองบุรีรัมย์ขอทรงอวยพรเหนือเมืองบุรีรัมย์ ในปี ค.ศ.2012 ได้ซื้อที่ดินซึ่งอยู่นอกเมือง ที่ตำบลชุมเห็ด ห่างจากคริสตจักรหลังเดิมประมาณ 5 กิโลเมตร จำนวน 5 ไร่ ต่อมาซื้อเพิ่มอีก 2 ไร่ และเพิ่มอีก 3 ไร่ รวมมีเนื้อที่ในการสร้างอาคารนมัสการพระเจ้าหลังใหม่ทั้งหมด จำนวน 10 ไร่ หลังจากซื้อที่ดินสำหรับสร้างอาคารคริสตจักรแห่งใหม่ กลุ่มบุรุษคริสตจักรเมืองบุรีรัมย์ ได้ร่วมใจกันอธิษฐานอวยพร ณ ที่ดินคริสตจักรแห่งใหม่ทุกคืนวันศุกร์ จนถึงปัจจุบัน
งานออกแบบและการก่อสร้างได้เริ่มสร้างเรื่อยมาตามงบประมาณที่มี และในวันที่ 22 เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2017 ได้มีพิธีวางศิลาราก และสร้างอาคารนมัสการเสร็จในปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ.2562)
คริสตจักรเมืองบุรีรัมย์แห่งใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ 407 ม. 4 ถนนเลี่ยงเมือง บ้านตราดตรวน ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ คริสตจักรได้ย้ายจากที่เดิมเข้ามานมัสการพระเจ้าที่อาคารหลังใหม่เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2018 (เข้ามาก่อนที่คริสตจักรจะสร้างเสร็จ) รูปแบบทรงอาคารคริสตจักรแห่งใหม่ เป็นอาคารนมัสการห้องโถงใหญ่ จุคนได้ 1,000 คน รอบๆ อาคารเชื่อมติดต่อกัน ประกอบด้วยอาคารโรงอาหาร ห้องน้ำชาย หญิง ห้องครัว ห้องสวัสดิการ ห้องประชุมเล็ก ห้องอธิษฐาน ห้องเรียนพระคัมภีร์ ห้องสำนักงาน ห้องพักผู้รับใช้พระเจ้า ห้องรับแขก ห้องเรียนรวีเด็ก ตรงกลางจะเป็นโดมขนาดใหญ่รองรับการจัดกิจกรรม ขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาคารคริสตจักรหลังเดิม ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ สถานนมัสการพระเจ้า แห่งใหม่ ที่จะเริ่มต้นอีกครั้งในพันธกิจ ที่ได้รับมอบหมายจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราทั้งหลายจะร่วมกันปรนนิบัติรับใช้พระองค์ต่อไป

พบกับพระเยซูได้อย่างไร?

ขั้นตอนง่ายๆ ในการพบพระเยซู สามารถทำได้ดังนี้

1. ยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป 1 ยอห์น 1:8 “ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็จะลวงตนเอง และสัจจะไม่มีอยู่ในเราเลย” หลายคนคิดว่าความบาปคือการกระทำผิดเท่านั้น แต่อยากจะอธิบายให้ทราบว่า การกระทำผิดคือผลของความบาปต่างหาก ถ้าจะแยกให้เห็นชัดเจนจะเห็นบาป 2 อย่าง คือ

1) บาปโดยธรรมชาติ คนเราเกิดมาไม่เคยทำบาปเลย แต่ทำไมเราต้องมีบาป ก็เพราะรากเหง้าแห่งบาปฝังอยู่ในเราตั้งแต่กำเนิด 2) บาปโดยการกระทำ ต้นไม้ที่มีผลย่อมเกิดผลฉันใด เช่นเดียวกัน ความบาปโดยธรรมชาติ ก็เกิดผลโดยการกระทำฉันนั้น

2.ยอมรับด้วยปากและยอมเชื่อในจิตใจ โรม 10:9-10 “คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตายท่านจะรอด ด้วยว่าความเชื่อด้วยใจก็จะนำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด” การรับด้วยปากและการเชื่อด้วยใจ ไม่ใช่ความรู้ในมันสมอง การรับด้วยปากอาจจะง่าย แต่การเชื่อด้วยใจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อมีการแสดงออก ดังนั้นคนที่รับด้วยปากและเชื่อด้วยใจต้องแสดงออกทุกคน

3. ยอมเชิญพระองค์เข้ามาประทับในใจ วิวรณ์ 3:20 “นี่แนะเรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าใครได้ยินเสียงของเราและเปิดประตูให้เรา เราจะเข้าไปหาผู้นั้น” พระองค์พร้อมที่จะพบกับมนุษย์ทุกคน แต่เราจะยอมเปิดใจหรือไม่ บางคนอาจจะท้าทายพระเจ้า แต่พระองค์จะพบกับผู้ที่ยอมเชิญพระองค์เข้าไปในจิตใจเท่านั้น

“แล้วคุณก็จะพบกับพระองค์ได้”

ความรอด?

พระคำของพระเจ้าทำให้เราเข้าใจว่ามนุษย์เป็นคนบาป (รม.3:23) อะไรเป็นคำตอบของปัญหานี้ ถ้าเรามีจิตสำนึกผิดชอบที่ฟ้องเราตลอดไปว่า เราเป็นคนบาป เราก็ไม่มีสันติสุขเลย แต่คำตอบอยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้า (ยน.6:37) ผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ทิ้งเลย คำนี้หมายความว่าอย่างไร คือข่าวประเสริฐ เป็นคำตอบเพราะว่าพระเยซูยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเรา (1 คร 1:18) เวลาเราเชื่อและกลับใจใหม่ พระเยซูทรงอภัยบาปให้เรา และประทานจิตวินิจฉัยผิดชอบในทางที่ดี จิตวินิจฉัยผิดชอบจะไม่ฟ้องเราอีกต่อไป คุณอาจจะถามว่า ความบาปคืออะไร จะบอกคุณได้ว่าคือการไม่เชื่อฟังพระเจ้า และปฏิเสธว่าพระเจ้าไม่มี และไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอด หลายล้านคน ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงจัดเตรียมที่ไว้ให้ ถ้าคุณอยากจะได้ชีวิตที่มีความหวัง พระองค์ประทานความหวังให้ในอนาคตด้วย อนาคตเราจะไม่อยู่ในความมืดเมื่อเราเชื่อพระเยซู เพราะว่าพระเยซูไปเตรียมที่ไว้สำหรับเรา (ยน. 14:1-3) ถ้าคุณไม่อยากให้จิตสำนึกผิดฟ้องคุณตลอดเวลา คุณต้องตัดสินใจรับการอภัยโทษโดยพระเยซูคริสต์ พระคำของพระเจ้าสัญญาว่าจะประทานสันติสุขให้แก่เรา (ยน. 14:27) เป็นสันติสุขที่อยู่ไปในพระเยซูคริสต์เจ้า โดยไม่มีอะไรทำลายสันติสุขที่พระเยซูประทานให้เราได้เลย

“ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นความรัก”